ترجمة سورة النّمل

King Fahad Quran Complex - Thai translation
ترجمة معاني سورة النّمل باللغة التايلاندية من كتاب King Fahad Quran Complex - Thai translation .

สูเราะฮฺ อัน-นัมล์


ฏอ ซีน เหล่านี้คือโองการทั้งหลายของอัรกุรอาน และคัมภีร์อันชัดแจ้ง

เป็นแนวทางที่ถูกต้อง และข่าวดีสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา

บรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาต และต่อวันปรโลกพวกเขาเชื่อมั่น

แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น เราได้ทำให้การงานของพวกเขาสวยงามแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะระเหเร่ร่อน

ชนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันชั่วช้า และในวันปรโลกพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง

และแท้จริง เจ้าจะได้รับอัลกุรอานอย่างแน่นอน จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้

จงรำลึก เมื่อมูซากล่าวแก่ครอบครัวของเขา ว่า “แท้จริงฉันเห็นไฟ ฉันจะนำข่าวจากที่นั่นมาให้พวกท่านหรือฉันจะนำคบเพลิงมาให้พวกท่าน เพื่อพวกท่านจะได้ทำให้มันอุ่น”

ครั้นเมื่อเขามาถึงที่นั่น ได้มีเสียงเรียกขึ้นว่า “ผู้ที่อยู่ในไฟและผู้ที่อยู่รอบ ๆ มัน จะได้รับความจำเริญ และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์ พระเจ้าแห่งสากลโลก

“โอ้มูซาเอ๋ย ! แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

“และจงโยนไม้เท้าของเจ้า” เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวคล้ายกับว่ามันเป็นงู เขาก็กลับหลังหันและไม่หันกลับมาอีก “โอ้มูซาเอ๋ย ! เจ้าอย่ากลัว แท้จริงบรรดาร่อซูลนั้นจะไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า”

“เว้นแต่ผู้อธรรม แล้วเขาได้เปลี่ยนมาทำความดี หลังจากที่ได้ทำความชั่ว เพราะแท้จริงข้านั้นเป็นผู้อภัย ผู้เมตตาเสมอ”

“และจงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า มันจะออกมาขาวปราศจากอันตรายใด ๆ (นี่คือสอง) ในเก้าสัญญาณ (ที่เจ้าจะนำไป) ยังฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขา แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน”

เมื่อสัญญาณของเราได้มาปรากฎชัดแจ้งแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “นี่คือเวทมนต์คาถาอันแจ่มแจ้ง”

และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างยุติธรรมและเย่อหยิ่ง ทั้ง ๆ ที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมันดังนั้นจงดูเถิดว่า บั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร ?

และโดยแน่นอนเราได้ให้ความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน และเขาทั้งสองกล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ ผู้ทรงโปรดปรานแก่เรา เหนือส่วนมากของปวงบ่าวของพระองค์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย”

และสุลัยมานเป็นทายาทของดาวูด และเขากล่าวว่า “มหาชนทั้งหลายเอ๋ย ! เราได้รับความรู้ในภาษาของนก และเราได้รับทุก ๆ สิ่ง แท้จริง นี่คือความโปรดปรานอันแท้จริงแน่นอน”

และไพร่พลของเขาที่เป็นญินมนุษย์และนก ได้ถูกให้มาชุนนุมต่อหน้าสุลัยมาน และพวกเขาถูกจัดให้เป็นระเบียบ

จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก มดตัวหนึ่งได้พูดว่า “โอ้พวกมดเอ๋ย! พวกเจ้าจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิด เพื่อว่าสุลัยมานและไพร่พลของเขาจะได้ไม่บดขยี้พวกเจ้า โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว”

เขา (สุลัยมาน) ยิ้มแกมหัวเราะต่อคำพูดของมัน และกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแกข้าพระองค์ เพื่อให้ข้าพระองค์ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์ และบิดามารดาของข้าพระองค์ และให้ข้าพระองค์กระทำความดีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยมัน และทรงให้ข้าพระองค์เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์ ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ดีทั้งหลาย”

และเขาได้ตรวจดูฝูงนกแล้วกล่าวขึ้นว่า “ทำไมฉันจึงไม่เห็นฮุดฮุด แต่ว่ามันหายไปไหน ?

“แน่นอน ฉันจะลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัส หรือฉันจะฆ่ามันอย่างแน่นอนหรือให้มันนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้ฉัน”

มันหายไปชั่วครู่ (แล้วกลับมา) มันได้กล่าวว่า “ฉันได้ไปตรวจพบสิ่งที่ท่านไม่รู้ และฉันได้นำข่าวอันแน่นอนจากสะบะ มายังท่าน

“ฉันได้พบหญิงคนหนึ่ง ปกครองพวกเขา และนางมีทุกสิ่ง และนางมีบัลลังก์อันใหญ่โต”

“และฉันได้พบนางและหมู่ชนของนางสักการะบูชาดวงอาทิตย์อื่นจากอัลลอฮ์ และมารชัยฎอนได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นของดีงามแก่พวกเขา และได้กีดกันพวกเขาออกจากแนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง”

ทำไมพวกเขาไม่สุญูดต่ออัลลอฮ์ ผู้นำออกมาซึ่งสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย

อัลลอฮ์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่

เขากล่าวว่า “เราจะคอยดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเจ้าอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ”

“เจ้าจงนำสารของฉันนี้และส่งมันให้พวกเขา แล้วถอยออกห่างจากพวกเขา ดังนั้นจงคอยดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร ?”

(พระราชินี) ทรงกล่าวว่า “โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย ! แน่แท้สารอันมีเกียรติถูกนำมาให้ฉัน”

“แท้จริงมันมาจากสุลัยมาน และแท้จริงมันเริ่มว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ”

“พวกท่านอย่าเย่อหยิ่งต่อฉัน และจงมาหาฉันอย่างนอบน้อม”

พระนางทรงกล่าวว่า “โอ้หมู่บริหารทั้งหลายเอ๋ย ! จงให้ข้อชี้ขาดแก่ฉันในเรื่องของฉัน ฉันไม่อาจจะตัดสินใจในกิจการใด จนกว่าพวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย”

พวกเขากล่าวว่า “เราเป็นพวกที่มีพลังและเป็นพวกที่มีกำลังรบเข็มแข็ง สำหรับพระบัญชานั้นเป็นของพระนางดังนั้น พระนางได้โปรดตรึกตรองดูสิ่งใดที่พระนางจะทรงบัญชา”

พระนางทรงกล่าวว่า “แท้จริงเหล่ากษัตริย์นั้น เมื่อเข้าไปในเมืองใดก็ทำลายมัน และทำให้บรรดาผู้มีอำนาจของเมืองนั้นเป็นผู้ต่ำต้อย และเช่นนั้นแหละพวกเขากระทำกัน”

“และแท้จริงฉันจะส่งของกำนัลไปให้พวกเขา แล้วฉันจะเฝ้าคอยดูว่า ผู้ที่ถูกส่งไปนั้นจะกลับมาอย่างไร ?”

เมื่อพวกเขาได้เข้าพบสุลัยมานแล้ว เขา(สุลัยมาน) กล่าวว่า “พวกท่านจะนำทรัพย์สินมากำนัลแก่เราหรือ ? สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉันนั้น ดียิ่งกว่าสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่าน แต่พวกท่านดีใจต่อของกำนัลของพวกท่าน

“จงกลับไปยังพวกเขา เพราะแน่นอนเราจะนำไพร่พลไปยังพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะต่อต้านมันได้ และแน่นอน เราจะให้พวกเขาออกจากที่นั่นอย่างอัปยศ และพวกเขาจะเป็นผู้ต่ำต้อย

เขา (สุลัยมาน) กล่าวว่า “โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย ! ผู้ใดในหมู่พวกท่านจะนำบัลลังก์ของนางมายังฉัน ก่อนที่พวกเขาจะมาหาฉันอย่างผู้นอบน้อม”

ผู้ปรีชาสามารถล้ำเลิศคนหนึ่งของพวกญินได้กล่าวว่า “ฉันจะนำมันมาเสนอท่าน ก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน และแท้จริงฉันเป็นผู้มีพลังและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้”

ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์ กล่าวว่า “ฉันจะนำมันมาเสนอท่านชั่วพริบตาเดียว” เมื่อเขา (สุลัยมาน) เห็นมันวางมั่นคงอยู่ต่อหน้าเขา เขากล่าวว่า “นี่เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉัน เพื่อพระองค์จะได้ทรงทดสอบฉันว่าฉันกตัญญูหรือเนรคุณ และผู้ใดกตัญญูแท้จริงเขาก็กตัญญูต่อตัวเขาเอง และผู้ใดเนรคุณแท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง”

เขากล่าวว่า “พวกท่านจงดัดแปลงบัลลังก์ของพระนาง เพื่อดูซิว่าพระนางจะจำมันได้หรือพระนางจะอยู่ในหมู่ผู้จำมันไม่ได้”

ครั้นเมื่อพระนางได้มาถึงก็ได้ทูลพระนางว่า “บัลลังก์ของพระนางเหมือนอย่างนี้หรือ ?” พระนางตรัสว่า “มันคล้ายอย่างนี้แหละ” และเราได้รับความรู้มาก่อนนาง และเราได้เป็นมุสลิมมาก่อนนาง

และการที่นางได้สักการะบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ ได้หันห่างนางออกไป แท้จริงนางอยู่ในหมู่ชนผู้ปฏิเสธ

ได้มีเสียงกล่าวแก่นางว่า “โปรดเข้าไปในวังเถิด” ครั้นเมื่อนางเห็นมันนางคิดว่า มันเป็นสระที่เป็นห้วงน้ำ และนางได้เลิกหน้าแข็งของนาง เขา (สุลัยมาน) กล่าวว่า “มันเป็นวังทำให้ราบเรียบด้วยกระจาก” นางได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของฉัน แท้จริงฉันได้อธรรมแก่ตัวฉันเอง และฉันขอนอบน้อมปฏิบัติตามสุลัยมาน เพื่ออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก”

และโดยแน่นอน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือศอและฮ์ ไปยัง(หมู่ชนของ) ษะมูดโดยให้พวกเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ แล้วพวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองพวกแล้วโต้เถียงกัน

เขา (ศอและฮ์) กล่าวว่า “โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ทำไมพวกท่านจึงรีบเร่งหาความชั่วก่อนความดีเล่า ? ทำไมพวกท่านจึงไม่ขออภัยต่ออัลลอฮ์เพื่อพวกท่านจะได้รับความเมตตา”

พวกเขากล่าวว่า “พวกเราได้ประสบโชคร้ายเพราะท่าน และผู้ที่ร่วมกับท่าน” เขา (ศอและฮ์) กล่าวว่า “โชคร้ายของพวกท่านอยู่ที่อัลลอฮ์ ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ถูกทดสอบ”

และในเมืองนั้นมีเก้าคนที่เป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดิน และพวกเขาไม่เป็นผู้ฟื้นฟูการทำดี

พวกเขากล่าวว่า “จงร่วมกันสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์ แน่นอนพวกเราเตรียมที่จะทำร้ายเขาและครอบครัวของเขาในเวลากลางคืนแล้วเราก็จะกล่าวแก่ทายาทของเขาว่า เราไม่รู้เห็นความพินาศของครอบครัวของเขา และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้สัตว์จริง”

และพวกเขาได้วางแผน และเราก็ได้วางแผนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว

ดังนั้นจงคอยดูเถิด ผลสุดท้ายแห่งแผนการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร กล่าวคือเราได้ทำลายล้างพวกเขา และหมู่ชนของพวกเขารวมทั้งหมด

ดังนั้น นั่นคือบ้านของพวกเขาก็ว่างเปล่า ทั้งนี้เพราะพวกเขาอธรรม แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน สำหรับหมู่ชนที่รู้

และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขาเป็นผู้ยำเกรง ให้รอดพ้น

และ (จงรำลึกถึง) ลูฏ เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขา ว่า “พวกท่านกระทำการลามก ทั้งๆ ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่กระนั้นหรือ ?

“แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายด้วยตัณหา แทนพวกผู้หญิงกระนั้นหรือ ? ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา”

ดังนั้น คำตอบของหมู่ชนของเขาไม่เป็นอย่างอื่น นอกจากกล่าวว่า “จงให้ตระกูลของลูฏออกจากหมู่บ้านของพวกท่าน แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้บริสุทธิ์”

แล้วเราได้ช่วยเขาและบริวารของเขา ให้รอดพ้น เว้นแต่ภรรยาของเขา เราได้กำหนดให้นางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย

และเราได้ให้ห่าฝน ตกลงมาบนพวกเขา ดังนั้น ฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วช้าเสียนี่กระไร

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ และความศานติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงคัดเลือกแล้ว อัลลอฮ์ดีกว่าหรือสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี (เจว็ด)

หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทรงหลั่งน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง ๆ งอกเงยอย่างสวยงาม พวกเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ ?เปล่าดอก! พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี

หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนักและทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมัน และทรงทำให้ภูเขายึดมั่นสำหรับมัน และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสอง จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ เปล่าดอก ! ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้

หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น และทรงทำให้พวกเจ้า เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ ? ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ”

หรือผู้ใดเล่าจะชี้แนะทางแก่พวกเจ้าในความมืดทึบของแผ่นดินและน่านน้ำ และผู้ใดทรงส่งลมแจ้งข่าวดี ท่ามกลางความเมตตาของพระองค์ จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ ? อัลลอฮ์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี

หรือผู้ใดเล่าจะเริ่มในการสร้าง แล้วทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และผู้ใดทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า จากฟากฟ้าและแผ่นดิน จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “จงนำหลักฐานของพวกท่านมา หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง”

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย นอกจากอัลลอฮ์ และพวกเขาจะไม่รู้ว่า เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ”

แต่ว่าความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับปรโลกนั้น ได้ถึงที่สุดแล้วหรือ ? ทั้ง ๆ ที่พวกเขาอยู่ในการสงสัยในเรื่องของมันยิ่งกว่านั้นพวกเขายังตาบอดต่อเรื่องนั้นอีกด้วย

บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวกันว่า “ในเมื่อเราและบรรพบุรุษของเราเป็นดินแล้วจะให้ถูกออกมาอีกอย่างแน่นอนกระนั้นหรือ ?”

โดยแน่นอน เราได้ถูกสัญญาในเรื่องนี้มาก่อน ทั้งเราและบรรพบุรุษของเรา เรื่องนี้มิใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นนิทานโกหกสมัยก่อน ๆ”

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “พวกท่านจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้กระทำผิดนั้นเป็นอย่างไร”

และเจ้าอย่าเศร้าโศกต่อพวกเขา และเจ้าอย่าคับใจ ในสิ่งที่พวกเขาวางแผนอุบาย

และพวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดเล่าสัญญานี้ (จะมาถึง) หากพวกท่านสัตว์จริง”

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “หวังว่าบางอย่างที่พวกท่านรีบเร่ง (ให้มันเกิดขึ้น) นั้น กำลังตามหลังใกล้พวกท่านเข้ามาแล้ว”

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์ทรงเป็นผู้โปรดปรานต่อปวงมนุษย์ แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ขอบคุณ

และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอนพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่หัวอกของพวกเขาปกปิดอยู่และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย

และไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน เว้นแต่ว่ามันอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง

แท้จริงอัลกุรอานนี้จะบอกเล่าแก่วงศ์วานของอิสรออีล ส่วนมากซึ่งพวกเขาขัดแย้งกัน

และแท้จริงมัน (อัลกุรอาน) เป็นแนวทางที่ถูกต้องและความเมตตา แก่บรรดาผู้ศรัทธา

แท้จริงพระเจ้าของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา ด้วยข้อวินิจฉัย (ที่ยุติธรรม) ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้

ดังนั้น เจ้าจงมอบหมายต่ออัลลอฮ์ แท้จริง เจ้านั้นอยู่บนสัจธรรมอันชัดแจ้ง

แท้จริงเจ้าจะไม่ทำให้คนตายได้ยิน และจะไม่ทำให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องเชิญชวนเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ

และเจ้ามิได้เป็นผู้ชี้แนะแนวทางแก่คนตาบอด ให้ออกจากความหลงผิดของพวกเขา เจ้าจะไม่ทำให้ผู้ใดได้ยินนอกจากผู้ศรัทธาต่อโองการต่าง ๆ ของเรา โดยที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อม

และเมื่อพระดำรัสเกิดขึ้นแก่พวกเขา เราได้ให้สัตว์ออกมาจากแผ่นดินแก่พวกเขา เพื่อกล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริงปวงมนุษย์นั้นไม่ยอมเชื่อมั่นต่อโองการทั้งหลายของเรา

และ (จงรำลึกถึง) วันที่เราจะเรียกจากทุก ๆ ชาติ มาชุมนุมกันเป็นหมู่คณะ จากผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราโดยที่พวกเขาจะถูกจัดเป็นกลุ่ม ๆ

จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึง พระองค์ตรัสว่า “พวกเจ้าได้ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรากระนั้นหรือ ? โดยที่พวกเจ้ามิได้รอบรู้มันเลยหรือว่าอะไรเล่าที่พวกเจ้ากระทำไป ?”

และหลักฐานได้ปรากฏขึ้นแก่พวกเขาเนื่องจากพวกเขาได้อธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้

พวกเขามิได้พิจารณาดูหรือว่า แท้จริงเราได้ให้กลางคืนไว้สำหรับพวกเขาได้พักผ่อน และกลางวันให้เห็นแสงสว่าง แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา

และ (จงรำลึกถึง) วันที่สังข์จะถูกเป่าขึ้น ดังนั้นผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินจะตื่นตระหนก เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทั้งหมดได้มาหาพระองค์ในสภาพผู้ถ่อมตน

และเจ้าจะเห็นขุนเขาทั้งหลาย เจ้าจะเกิดว่ามันติดแน่นอยู่กับที่ แต่มันล่องลอยไปเช่นการล่อลอยของเมฆ (นั่นคือ)การงานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกสิ่งอย่างเรียบร้อย แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

ผู้ใดนำมาซึ่งความดี เขาจะได้รับความดีมากกว่านั้น และในวันนั้น พวกเขาจะเป็นผู้ปลอดภัยจากการตื่นตระหนก

และผู้ใดนำมาซึ่งความชั่ว ใบหน้าของพวกเขาจะถูกโยนกลิ้งลงไปในไฟนรก พวกเจ้าจะไม่ถูกตอบแทน นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติเอาไว้

(จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด) “แท้จริงฉันได้รับบัญชาว่า จงเคารพภักดีพระเจ้า แห่งเมืองนี้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้มันเป็นที่ต้องห้าม และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิทธิของพระองค์ และฉันได้รับบัญชาให้อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม”

และฉันได้รับพระบัญชาให้อ่านอัลกุรอาน” ดังนั้นผู้ใดได้ตามแนวทางที่ถูกต้อง แท้จริงเขาก็จะดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้องเพื่อตัวของเขาเอง และผู้ใดหลงผิดก็จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “แท้จริงฉันเป็นเพียงผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตักเตือน”

และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ แล้วพวกเจ้าก็จะรู้จักกัน” และพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นผู้ทรงเพิกเฉย ต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
Icon